แต่ไหนแต่ไร ใบปริญญาก็เหมือนเครื่องการันตีความสามารถของผู้สมัครงาน ผู้สมัครที่ได้เกรดเฉลี่ยดี จบจากมหาวิทยาลัยดัง ก็น่าจะมีคุณค่าสูง ทำงานเก่งกว่าผู้สมัครทั่วไป แต่โลกทุกวันนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่กลับให้คุณค่าใบปริญญาและเกรดเฉลี่ยน้อยลง เพราะมีประสบการณ์ว่าผู้สมัครส่วนหนึ่งที่โปรไฟล์ดี เกรดดี จบดี จะสามารถทำงานได้ดีในช่วงแรก แต่การทำงานในระยะยาวจะสู้คนที่เหมาะสมกับงานมาตั้งแต่แรกไม่ได้ ที่จะให้ผลงานที่ดีสม่ำเสมอมากกว่า บริษัทระดับโลกเหล่านี้จึงให้ความสำคัญกับประสบการณ์ หรือสิ่งยืนยันในความสามารถเฉพาะทางบางอย่างที่กำลังมองหามากกว่า และเก็บใบปริญญาไว้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจระดับรองลงไปค่ะ

 

แล้วบริษัทหรือองค์กรของเราที่ไม่ได้ใหญ่ระดับโลก เราควรมองใบปริญญายังไงดี #Sokochan ว่าสำหรับงานบางอย่างที่ไม่ใช่งานเฉพาะทาง ใบปริญญาก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่ควรมองอยู่ค่ะ เพราะก็ยังให้ภาพรวมได้ว่าผู้สมัครคนนั้นมีความรู้ด้านไหนเป็นพิเศษจากสาขาที่เรียนและเกรด ซึ่งให้น้ำหนักสนับสนุนได้ว่าจะเหมาะสำหรับตำแหน่งนั้นๆ หรือไม่ และใบปริญญาก็ยังเป็นเครื่องการันตีความตั้งใจในการเรียนให้จบการศึกษาได้อยู่ดี จนมีคำกล่าวที่ว่า “คนที่ไม่จบปริญญามักมีอยู่ 2 ประเภท คือคนที่เก่งมากๆ จนไม่รู้จะเสียเวลาเรียนไปทำไม กับคนที่ไม่ตั้งใจมากพอ ซึ่งเรามักเจอประเภทหลังมากกว่า” 

 

แต่บทบาทของใบปริญญาก็จะลดลงเรื่อยๆ เมื่ออายุการทำงานมากขึ้นนะคะ เพราะเราจะดูที่ประสบการณ์ทำงาน และผลงานการทำงานที่ผ่านมามากกว่าวุฒิการศึกษาแล้ว ใบปริญญาจึงเป็นเหมือนใบเบิกทางสู่โลกของการทำงานมากกว่าใช้การันตีได้ตลอด

 

สรุปถึงตรงนี้ ผลงานการทำงานที่ผ่านมา และใบปริญญาก็ยังสำคัญในการคัดกรองผู้สมัครเบี้องต้นเข้าสู่กระบวนการต่อไป แต่ก่อนจะเริ่มเรียกตัวมาสัมภาษณ์งาน สิ่งหนึ่งที่กลายเป็นพื้นฐานในโลกการทำงานปัจจุบันไปแล้วคือ Background Check โดยเฉพาะการตรวจสอบ Social Network ที่ผู้สมัครคนนั้นๆ ใช้งานว่าเปิด Public Post เป็นเนื้อหาแนวไหนบ้าง ซึ่งโพสต์ในโซเซียลมีเดียก็สามารถช่วยกรองคนที่ไม่เหมาะสมสำหรับองค์กรเราออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยค่ะ (เราจะดูเฉพาะโพสต์ที่เปิดเป็นสาธารณะนะคะ เพราะถือว่าเป็นข้อมูลเปิดเผยที่ใครจะเข้ามาดูก็ได้ ไม่ขอ Add Friend เข้าไปดูข้อมูลส่วนตัว)

 

และจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของโซโกะจัง สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันในช่วงรับทีมงานคือการสัมภาษณ์และการทดลองงานค่ะ ในช่วงสัมภาษณ์เราจะได้รู้แนวคิด ทัศนคติเพิ่มเติม และสอบถามสิ่งที่เราไม่แน่ใจเกี่ยวกับตัวผู้สมัคร และช่วงทดลองงานนี่แหละค่ะคือของจริง ว่าทีมงานคนใหม่ของเรามีความสามารถเหมาะสมกับงานนั้นๆ หรือไม่ วัดกันใน 3 เดือนนี้ มีอะไรอยากทดสอบต้องให้จัดให้เต็ม

 

แล้วเพื่อนๆ ของโซโกะจังละคะ มีประสบการณ์ในการรับทีมงานใหม่เป็นยังไงบ้าง แก้ไขปัญหากันอย่างไร แชร์ให้ฟังกันได้นะคะ